16 สิงหาคม 2560

ตอนที่ 561 พายุอยู่ที่นี่

โดยเฉพาะเผ่าพันธ์ผีพวกเขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้่น พวกเขารีบออกมาจากค่ายของพวกเขาและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อดูการต่อสู้ของมังกรและพยัคฆ์ด้วยสายตาของพวกเขาเอง


" ในที่สุดมันก็จะเริ่ม ! " ผู้ฝึกตนผีรุ่นเยาว์ยิ่งกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น สำหรับพวกเขานี้ไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดาของอัจฉริยะสองคนเท่านั้น

ตี๋เชานั้นเป็นลูกรักสวรรค์ขณะที่หลี่ฉีเย่เป็นจอมโหดเหี้ยมแห่งยุค ทั้งสองนั้นเป็นอัจฉริยะในระดับสูงสุด หากเหล่าผู้เยาว์สามารถดูการต่อสู้ของพวกเขาได้ด้วยตาตัวเอง พวกเขาจะได้ประโยชน์จากมันอย่างมาก การรู้แจ้งในเต๋าของพวกเขาและประสบการณ์ในการต่อสุ้ของพวกเขาจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

กลิ่นอายของตี๋เชาได้กลายเป็นพายุที่พัดผ่านเขตน้ำทั้งหมด ราวกับรัศมีนี้สามารถฉีกขาดอาณาจักรและก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย มันยากที่จะเชื่อว่ากลิ่นอายนี้มาจากผู้เยาว์ไม่ใช่บรรพชน

" หลี่ฉีเย่ ! " ดวงตาคล้ายหอกของตี๋เชามองไปยังเขา ตี๋เชานั้นไม่กรีดร้องหรือคำราม เขายังยืนอยู่นิ่ง ทว่าเมื่อกล่าวคำว่า ' หลี่ฉีเย่ ' ออกมามันราวกับถูกแกะสลักไว้ด้วยความตายและทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว

หลี่ฉีเย่มองยังตี๋เชาที่ยืนอยู่หน้าบ่อน้ำ เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นและทำเพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " ตี๋เชา "

" ออกมาสู้เป็นตายกับข้า ! " ตี๋เชานั้นเดินตรงไป แต่ว่าเขายังไม่ได้ลงมือ แต่เห็นได้ชัดว่าเจตนาฆ่าของเขาปะทุออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

หลี่ฉีเย่เหลือบมองไปยังตี๋เชาก่อนจะเอ่ยสบายๆ " จะสู้ก็ย่อมได้ แต่เจ้าควรจะนึกถึงคำพูดสุดท้ายของนางให้ดี เจ้าหญิงคงบอกกับเจ้าแล้วมั้งว่าไม่ต้องแก้แค้นให้นาง "

" หุบปากซะ ! " ตี๋เชาคำรามเมื่อชื่อของเจ้าหญิงฟินิกซ์ถูกยกขึ้นมา เขาเป็นเหมือนกับเทพแห่งความบ้าคลั่ง กลิ่นอายที่น่ากลัวของเขากวาดไปทั่วทั้งเขตและทำให้เกิดระเบิดอย่างต่อเนื่อง

เขาระเบิดพลังงานในสายเลือดพร้อมกับเจตนาฆ่าที่น่ากลัว แต่ละคลื่นเหมือนกับหอกศักดิ์สิทธิ์ที่ทิ่มแทงชั้นฟ้า พลังงานแห่งการฆ่านี้ทำให้ตาข่ายที่อยู่ในอาการขยายออกไปมากขึ้น

เขาประกาศด้วยเสียงที่หนาวเย็นและกดขี่ผู้คน " หลี่ฉีเย่ เจ้าไม่มีทางเลือกว่าจะสู้หรือไม่สู้ ! หากเจ้าสู้เช่นนั้นข้าจะปล่อยนิกายพันแม่น้ำหวนไป หากไม่ เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมด โลกอาจจะกว้างใหญ่ แต่มันไม่มีที่สำหรับคนอย่างเจ้า ! "

การขู่ขอองตี๋เชาที่มีต่อหลี่ฉีเย่นั้นปราศจากความเมตตาใดๆ เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเจ้าหญิงฟินิกซ์ เขาไม่ได้สนใจที่จะฆ่าใครแม้แต่สังหารนิกายพันแม่น้ำหวนทั้งหมด

" หลานชายเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น " ในเวลานี้เสียงที่ลึกลับได้ดังออกมา ปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ได้ปรากฏตัวออกมาจากรูปแบบจักรพรรดิร้อยเซียน

มีมณีได้ลอยอยู่เหนือปลาคาร์ฟ กลิ่นอายอมตะของมันกวาดผ่านความลับทั้งหมดในโลก นี้คือมณีวิจิตร สมบัติของจักรพรรดิอมตะฉินหลี่

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจที่เห็นกลุ่มของเต๋าเบ่ากุ้ยนั่งอยู่บนปลาคาร์ฟ พวกเขานั้นออกมาจากรูปแบบจักรพรรดิอย่างปลอดภัย

" เป็นไปไม่ได้ ! " ผู้นำนิกายจากนิกายทรงอำนาจอทุานด้วยความตกตะลึง

" มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? " แม้แต่ผู้อาวุโสจากดินแดนเล็บจันทร์เสี้ยวก็อุทานด้วยความไม่เชื่อ " พวกเขาทำได้อย่างไรกัน ? "

พวกเขานั้นเข้าใจรูปแบบจักรพรรดิของบัลลังก์อย่างชัดเจน เมื่ออยู่ภายในนั้น มีโอกาสเพียงศูนย์เปอเซนต์ที่พวกเขาจะรอดออกมา แต่นิกายพันแม่น้ำหวนกลับออกมาอย่างปลอดภัย นี้เป็นเรื่องยากจะเชื่อ

" มันเหนื่อยเล็กน้อยที่ต้องตามหาเส้นทางออกที่ถูกต้อง โชคดีที่สมบัติที่ท่านบรรพบุรุษทิ้งไว้ให้สามารถหาทางออกนั้นได้ " เต๋าเบ่ากุ้ยเอ่ยช้าๆ

พวกเขาไม่ได้ตกใจเลยที่พวกเขาถูกดูดเข้าไปในรูปแบบจักรพรรดิเพราะพวกเขามีมณีวิจิตรที่จักรพรรดิอมตะฉินหลี่ทิ้งไว้ให้ สุดยอดสมบัตินี้ทำให้พวกเขาออกมาจากรูปแบบได้ แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลานานก็ตาม

ดวงตาของตี๋เชาหรี่ลงพร้อมด้วยเจตนาฆ่าที่เพิ่มมากขึ้น จากนั้นเขาก็ประกาศอย่างเย็นชา " มันไร้ประโยชน์แม้ว่าพวกเจ้าจะช่วยหลี่ฉีเย่ ข้าก็ทำแค่เพียงสังหารเพิ่มอีกหมื่นถึงสองหมื่นคนเท่านั้น "

" นายน้อยตี๋เชา เจ้าต้องการจะระงับความบาดหมางนี้หรือเป็นศัตรูกับนิกายพันแม่น้ำหวนของข้า ? " เต๋าเบ่ากุ้ยเอ่ยถามอย่างใจเย็นและไม่ได้โกรธ

" หึ่ม ! นิกายพันแม่น้ำหวนไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว " เสียงโบราณได้ดังออกมาจากภูเขาบรรพชนราวกับเสียงคำราม นี้ทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดสั่น

คนภายในภูเขาบรรพชนนั้นไม่ได้แสดงหน้าตาของตัวเอง แต่ทุกคนสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายที่น่ากลัวกระจายไปทั่วเขตน้ำ ทุกคนรู้สึกได้ว่าเขาจะต้องเป็นตัวตนอมตะ มันเหมือนกับว่าหากคนคนนี้ลงมือ โลกก็ต้องสยบให้กับเขา

เมื่อคนคนนี้กล่าวออกมา ทุกคนกลายเป้นหวาดกลัวอย่างมาก แม้แต่บรรพชนจากนิกายทรงอำนาจก็ยังเปลี่ยนการแสดงออก ลมหายใจของพวกเขารู้สึกกดดัน

บรรพชนคนอุทาน " นี้คือผู้นำนิกายในตำนาน ! ข้าสงสัยนักว่าบรรพชนจากบัลลังก์หมื่นกระดูกคนใดมา ? "

กลิ่นอายที่ทรงพลังนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกกดดัน ถ้าหากคนคนนี้ลงมือจะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้

เสียงเก่าแก่นี้ดังออกมาจากภูเขาบรรพชนอีกครั้งพร้อมด้วยอำนาจกดขี่ผู้คนและไม่แยแสโลก " หลี่ฉีเย่ต้องตาย หากนิกายพันแม่น้ำหวนของเจ้าต้องการจะหยุดพวกเรา เช่นนั้นก็หายไปทั้งหมดซะ ! "

เผ่าพันธ์ผีนั้นกลายเป็นตื่นเต้นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะการแสดงออกที่เคร่งขรึมของตี๋เชา ทุกคนคงจะกระโดดขึ้นและโห่ร้องแล้ว

หนึ่งในพวกเขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา " บรรพชนจากบัลลังก์พูดถูก หลี่ฉีเย่จะต้องตาย ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือตัวตนอมตะใดก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ "

บรรพชนคนหนึ่งถอนหายใจก่อนจะเอ่ย " ใครก็ตามที่มาจากบัลลังก์หมื่นกระดูก พวกเขาจะต้องเป็นผู้นำนิกายในำตนานที่ยิ่งใหญ่ "

บัลลังก์หมื่นกระดูกนั้นเป็นหนึ่งนิกายที่มีสามจักรพรรดิ บรรพชนที่มาจากนิกายทรงอำนาจเช่นนี้ พวกเขาจะต้องมีอำนาจเพียงพอที่ทำให้ผู้คนสยดสยองยามมีชีวิต

เบื้องหลังของตี๋เชาคือการสนับสนุนจากบัลลังก์หมื่นกระดูก ดังนั้นนี้จึงทำให้เผ่าพันธ์ผีรู้สึกตื่นเต้น ด้วยการสนับสนุนจากบรรพชนที่แข็งแกร่งสถานการณ์ตอนนี้ก็ยากที่จะเปลี่ยนแล้ว

พวกเขาคิดว่าหลี่ฉีเย่จะต้องตายแน่ๆ เพราะเขาไม่มีทางเทียบได้กับการดำรงอยู่ของมหาอำนาจอย่างบัลลังก์หมื่นกระดูกได้

" ฆ่าหลี่ฉีเย่ ! ให้เขาชดใช้ด้วยเลือด ! " ผู้ฝึกตนเผ่าพันธ์ผีคำราม " จะไม่มีใครได้รับจุดจบที่ดีหากกล้าต่อต้านเผ่าพันธ์ผี ! "

" ฮ่าฮ่า มันไม่ใช่เพียงหลี่ฉีเย่ แม้แต่นิกายพันแม่น้ำหวนก็ยังวางแผนต่อต้านเผ่าพันธ์ผี ดังนั้นทำลายนิกายพันแม่น้ำไปด้วยเลย ! " ผู้ฝึกตนเผ่าพันธ์ผีเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟอย่างเร่งรีบ

" ข้าเองก็รู้สึกเช่นกัน การปล่อยให้นิกายพันแม่น้ำหวนมีชีวิตอยู่ ก็เหมือนกับการเลี้ยงเสือไว้ที่บ้าน เช่นนั้นทุกคนร่วมมือกันโจมตีนิกายพันแม่น้ำหวนเป็นอย่างไร ? " ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ

ขุนนางและผู้นำเผ่าพันธ์ผีอื่นๆ ไม่กล้าที่จะพูดกับบรรพชนของบัลลังก์หมื่นกระดูกโดยตรง พวกเขาจึงซ่อนตัวในฝูงชนและเติมเชื้อเพลิง

ไม่ต้องกล่าวถึงสมบัติจำนวนมากที่นิกายพันแม่น้ำพึงได้รับไป ลำพังสมบัติเก่าของนิกายพันแม่น้ำก็ทำให้คนอื่นร้องไห้ด้วยความอิจฉาแล้ว

ถ้าบัลลังก์หมื่นกระดูกประกาศสงครมกับนิกายพันแม่น้ำ เช่นนั้นเหล่าพันธ์ผีอื่นๆก็ใช้โอกาสที่ทุกอย่างกำลังเข้าสู่ความวุ่นวายนี้จบปลาน้ำขุ่น

ตี๋เชาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำกล่าวของสมาชิกเผ่าพันธ์ผีหรือบรรพชนของบัลลังก์หมื่นกระดูก เขาเพียงผสานมือเขาด้วยกันและเอ่ยกับภูเขาบรรพชน " เรียนท่านผู้อาวุโสจากบัลลังก์หมื่นกระดุก ข้านั้นเป็นเพียงแค่ผู้เยาว์และไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ผู้อาวุโสจากบัลลังก์สามารถพูดคุยกับบรรพชนของพวกเราได้เลย " ผู้อาวุโสของนิกายพันแม่น้ำ จากนั้นก็ยกโลงศพออกมา โลงศพอันนี้ถุกสร้างขึ้นมาจากวัสดุอย่างดีและห้อมล้อมไปด้วยหินหยดเลือดจำนวนมาก

ปริมาณของหินหยดเลือดเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าบุลคลภายในนั้นมีสถานที่ดี พวกเขาจึงต้องใช้หินหยดเลือดจำนวนมากเช่นนี้เพื่อยืดอายุของเขาไว้

" หึ่ม ! ข้าสงสัยนักว่าบรรพชนคนใดของนิกายพันแม่น้ำหวนที่มา ? ข้าควรจะเรียกเจ้าอย่างไร ? " บรรพชนที่อยู่ในภูเขาไม่ได้แสดงหน้าของเขา แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความ เย้ยหยัน

เขานั้นมีอำนาจและคุณสมบัติที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เขาเป็นผู้เชียวชาญที่ท้าทายสวรรค์ และโลกจารึกคนระดับเขาไว้ว่าเป็นผู้นำนิกายในตำนาน

โลงศพศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกผนึกไว้โดยหินหยดเลือดจำนวนมากไม่ได้เปิดออก บรรพชนจากภายในได้ไม่ได้ลุกออกมา แต่เสียงที่แหบพร่าของเขาดังออกมาจากภายใน " ข้าจำชื่อของตัวเองไม่ได้แล้ว " เสียงนี้่ไม่ดังมากและเหมือนเสียงของคนใกล้ตาย " เวลาได้ผ่านไปนานและข้าจำเรื่องของทางโลกไม่ได้อีกแล้ว ข้าจำได้เพียงว่าปีนั้นโลกเรียกขานข้าว่าเทพบรรพชน แต่ข้ารู้สึกว่าตัวเองช่างไม่เหมาะสมกับชื่อดังกล่าว ทุกครั้งที่ข้าลำรึกถึงบรรพชนของข้า ข้ายิ่งไม่กล้ารับการเรียกขานว่านเป็นเทพบรรพชน หากโลกถามชื่อของข้า เช่นนั้นเจ้าสามารถเรียกว่าข้าเทพบรรพชนปราณฟ้า "

เสียงแผ่วเบาดังกล่าวทำให้หลายคนตกตะลึง เหล่าคนที่รู้ตัวตนของคนที่อยู่ภายในต่างสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่ไม่รู้จักรเทพบรรพชนปราณฟ้าต่างเอ่ยถาม " เทพบรรพชนปราณฟ้านี้คือใคร ? "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น